แต่งงานกันไหม
ไม่ได้ชวนใครแต่งงาน ยังหาแฟนไม่ได้
แต่พอดีช่วงนี้มีแต่คนกำลังจะแต่งงานและสิ่งที่มากับงานแต่งงานก็คือซองซึ่งในซองมีการ์ด
ในวันแต่งงานเราต้องเอาการ์ดออกแล้วก็ใส่เงินเข้าไปแทน
ปัญหาคือ...
ทำไมแม่งต้องมาจำกัดกันด้วยวะว่า จะต้องไม่ต่ำกว่าเท่านั้น ไม่ต่ำกว่าเท่านี้
คือผมคิดว่ามันก็เหมือนทำบุญสังฆทานน่ะ จะให้เท่าไรแล้วแต่ศรัทธา
ไม่ใช่อะไรหรอกพอดีกำลังคุยกับเพื่อนที่กำลังจะแต่งงานแล้วมีประเด็นคุยกันเรื่อง "ค่าน้ำนม" มันเลยคิดไปคิดมาถึงเรื่องเงินที่ต้องทำงานจ่ายไปในงานแต่งงาน
พูดถึงค่าน้ำนม คงต้องแยกประเด็นของ "จารีต" กับ "การตีราคา" ออกจากกันก่อน
ค่าน้ำนมนี่เข้าใจอยู่ว่าการไปขอลูกสาวเค้ามาเป็นภรรยาถ้าไม่ให้อะไรเค้าก็จะน่าเกลียดเกินไป ดังนั้นค่าน้ำนมที่เห็นๆ กันอยู่ก็คงเป็น เงินกับทอง ซึ่งมูลค่าที่ควรให้ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าคงไม่ให้น่าเกลียดเกินไป (จะไปขอลูกสาวเค้า ก็ต้องให้สมฐานะดิ แต่ก็ต้องประมาณตนหน่อย ถ้าไม่มีก็ฉุดซะ : P) ซึ่งจุดนี้ผมมองว่ามันเป็น "จารีต"
แต่คนที่เป็นพ่อแม่บางคนกลับมีการ "ตีราคา" ลูกของตัวเองด้วย "ลูกชั้นเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด ส่งเสียมันตั้งเท่าไร จะให้ค่าน้ำนมแค่นี้เองเหรอ???" ขอโทษเถอะครับ นี่คงตั้งใจว่าจะเลี้ยงลูกสาวเป็นสินค้าส่งออกใช่ป่ะครับคุณพ่อ คุณแม่ ถึงได้เอ่ยวาจาเยี่ยงนี้ นี่กะว่า "ค่าน้ำนม" นั้นจะไม่คืนให้ลูกเลยใช่มะ เอาไว้กินเองหมด...
ย้อนกลับไปที่เรื่องของงานแต่งงาน
ผมคิดว่าการแต่งงานเดี๋ยวนี้มันหลุดออกจากคอนเซปต์เดิมๆ ที่ผมคิดไว้เยอะมาก
แทนที่จะเป็นแค่งานให้ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงเข้ามายินดีกัน ซึ่งอาจจะมีการเอาเงินใส่ซองเพื่อเป็น "ขวัญถุง" สำหรับการใช้ชีวิตคู่เป็นสิริมงคงแก่การครองคู่
แต่เดี๋ยวนี้กลับกลายเป็นงาน "เบ่ง" ...
จริงอยู่การแต่งงานมีครั้งเดียวในชีวิต ทำอะไรก็ควรจะสุดๆ ไปเลย เป็นวันเดียวที่เจ้าสาวจะเป็นดุจดั่งเจ้าหญิง เป็นวันแห่งความทรงจำต่อจากงานรับปริญญา (หรือก่อนรับสำหรับบางคน -_-")
แต่ไม่เห็นว่าจะต้องมีการกำหนดอย่างนั้น อย่างนี้ว่า จะต้องแต่งชุดอย่างนั้น จะต้องใส่ซองเท่านี้นี่หว่า ??? ฮึ ??? (อันนี้ผมเชื่อว่าเจ้าบ่าว เจ้าสาว เค้าไม่คิดจะกำหนดอะไรหรอก คนรอบข้างนั่นแหล่ะ แม่ง!!!)
เรื่องชุด เรื่องซองผมว่า ด้วยคุณวุฒิและวัยวุฒิของผู้ร่วมงานก็คงคิดกันได้แหล่ะว่าอะไรเหมาะสม ไม่เหมาะสม แต่มันอย่างที่ผมว่าคือเหมือนทำสังฆทานแล้วแต่ศรัทธาเหอะ อย่ามาบังคับกูเลย!!
หรือกลัวจะถอนทุนกันไม่ได้เหรอครับ???
แต่พอดีช่วงนี้มีแต่คนกำลังจะแต่งงานและสิ่งที่มากับงานแต่งงานก็คือซองซึ่งในซองมีการ์ด
ในวันแต่งงานเราต้องเอาการ์ดออกแล้วก็ใส่เงินเข้าไปแทน
ปัญหาคือ...
ทำไมแม่งต้องมาจำกัดกันด้วยวะว่า จะต้องไม่ต่ำกว่าเท่านั้น ไม่ต่ำกว่าเท่านี้
คือผมคิดว่ามันก็เหมือนทำบุญสังฆทานน่ะ จะให้เท่าไรแล้วแต่ศรัทธา
ไม่ใช่อะไรหรอกพอดีกำลังคุยกับเพื่อนที่กำลังจะแต่งงานแล้วมีประเด็นคุยกันเรื่อง "ค่าน้ำนม" มันเลยคิดไปคิดมาถึงเรื่องเงินที่ต้องทำงานจ่ายไปในงานแต่งงาน
พูดถึงค่าน้ำนม คงต้องแยกประเด็นของ "จารีต" กับ "การตีราคา" ออกจากกันก่อน
ค่าน้ำนมนี่เข้าใจอยู่ว่าการไปขอลูกสาวเค้ามาเป็นภรรยาถ้าไม่ให้อะไรเค้าก็จะน่าเกลียดเกินไป ดังนั้นค่าน้ำนมที่เห็นๆ กันอยู่ก็คงเป็น เงินกับทอง ซึ่งมูลค่าที่ควรให้ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าคงไม่ให้น่าเกลียดเกินไป (จะไปขอลูกสาวเค้า ก็ต้องให้สมฐานะดิ แต่ก็ต้องประมาณตนหน่อย ถ้าไม่มีก็ฉุดซะ : P) ซึ่งจุดนี้ผมมองว่ามันเป็น "จารีต"
แต่คนที่เป็นพ่อแม่บางคนกลับมีการ "ตีราคา" ลูกของตัวเองด้วย "ลูกชั้นเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด ส่งเสียมันตั้งเท่าไร จะให้ค่าน้ำนมแค่นี้เองเหรอ???" ขอโทษเถอะครับ นี่คงตั้งใจว่าจะเลี้ยงลูกสาวเป็นสินค้าส่งออกใช่ป่ะครับคุณพ่อ คุณแม่ ถึงได้เอ่ยวาจาเยี่ยงนี้ นี่กะว่า "ค่าน้ำนม" นั้นจะไม่คืนให้ลูกเลยใช่มะ เอาไว้กินเองหมด...
ย้อนกลับไปที่เรื่องของงานแต่งงาน
ผมคิดว่าการแต่งงานเดี๋ยวนี้มันหลุดออกจากคอนเซปต์เดิมๆ ที่ผมคิดไว้เยอะมาก
แทนที่จะเป็นแค่งานให้ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงเข้ามายินดีกัน ซึ่งอาจจะมีการเอาเงินใส่ซองเพื่อเป็น "ขวัญถุง" สำหรับการใช้ชีวิตคู่เป็นสิริมงคงแก่การครองคู่
แต่เดี๋ยวนี้กลับกลายเป็นงาน "เบ่ง" ...
จริงอยู่การแต่งงานมีครั้งเดียวในชีวิต ทำอะไรก็ควรจะสุดๆ ไปเลย เป็นวันเดียวที่เจ้าสาวจะเป็นดุจดั่งเจ้าหญิง เป็นวันแห่งความทรงจำต่อจากงานรับปริญญา (หรือก่อนรับสำหรับบางคน -_-")
แต่ไม่เห็นว่าจะต้องมีการกำหนดอย่างนั้น อย่างนี้ว่า จะต้องแต่งชุดอย่างนั้น จะต้องใส่ซองเท่านี้นี่หว่า ??? ฮึ ??? (อันนี้ผมเชื่อว่าเจ้าบ่าว เจ้าสาว เค้าไม่คิดจะกำหนดอะไรหรอก คนรอบข้างนั่นแหล่ะ แม่ง!!!)
เรื่องชุด เรื่องซองผมว่า ด้วยคุณวุฒิและวัยวุฒิของผู้ร่วมงานก็คงคิดกันได้แหล่ะว่าอะไรเหมาะสม ไม่เหมาะสม แต่มันอย่างที่ผมว่าคือเหมือนทำสังฆทานแล้วแต่ศรัทธาเหอะ อย่ามาบังคับกูเลย!!
หรือกลัวจะถอนทุนกันไม่ได้เหรอครับ???
สำหรับงานกู ไม่เคยคิดจะจำกัด เงินในซองวะ
แต่สำหรับเพื่อนเก่ง กูไม่ขออะไรมาก
นอกจาก iPod Nano ใส่ซองนะเพื่อน
9/16/2548 02:43:00 หลังเที่ยง à¹à¸à¸¢ Unknown
ถ้ามึง request iPod nano มากูก็จะจัดให้ แต่ต้อง 50-50 ว่ะ
เอามะ สาดดดด
9/16/2548 03:41:00 หลังเที่ยง à¹à¸à¸¢ imon
ไม่ต้องวะ ล้อเล่น แค่มีปัญญามาให้ได้ก็ซึ้งใจหลาย
ป.ล. กูจะส่ง Card เป็น E-Card ไป เพราะฉะนั้น
อย่าทะลึ่ง ส่ง E-Card กลับมาละกัน
ป.ล.2 กูว่าจะทำการถ่ายทอด งานแต่งผ่าน เน็ต มึงว่า
ADSL ธรรมดาจะได้ไหมวะ
ป.ล.3 จำเป็นต้องมี Host ดีไหมวะ หรือว่า แค่ MSN ก็พอ
9/16/2548 06:53:00 หลังเที่ยง à¹à¸à¸¢ Isriya
MSN ไม่พอหรอก มันเป็นการ broadcast ควรใช้ software เฉพาะทาง
ผมว่าถ่ายสด ADSL มันไม่ค่อยเวิคหรอก อัดวิดีโอดีๆ แล้วมาตัดต่อแจกลง DVD เข้าท่ากว่า
ม่อน งานแต่งอาจไม่ไปนะ แต่ถ้ามีลูกเมื่อไรนี่สัญญาว่าไปชัว
สงสัยว่าถ้าเอาบัตรลด posiedon ใส่ซองไปให้นิ จะบาปมั้ยอะ ทำครอบครัวเค้าแตกแยกปะ (วงเล็บมุมซองไว้ให้ด้วยว่าให้เจ้าบ่าวเปิดคนเดียว)
9/16/2548 11:51:00 หลังเที่ยง à¹à¸à¸¢ Unknown
ถ้าเป็นลูกชายแล้วยังจะไปอยู่ป่าวอ่ะมาร์ค
บัตรลด วัดโพ คงน้อยไป...ขอเป็น โมนา ละกัน
ถ้าให้ดี เอาสองอัน :D
ถ้าให้ดีกว่า เลี้ยงด้วย
9/17/2548 01:35:00 หลังเที่ยง à¹à¸à¸¢ PPhetra
สมัยผมแต่ง
ผมพิมพ์ลงไปใน card ด้วยว่า
"งดรับเงินช่วย"
: )
(ดูหยิ่งๆเนอะ)
9/19/2548 12:32:00 ก่อนเที่ยง à¹à¸à¸¢ Unknown
โอ้วววว คุณ Pok ได้ใจ ได้ใจ
9/19/2548 08:26:00 หลังเที่ยง à¹à¸à¸¢ imon
แต่งงาน มีเรื่องให้ต้องทำำอีกเยอะ
ทำไมจะแค่จดทะเบียน แล้วฉลองด้วย หมูกระทะไม่ได้
เหรอวะ เสียดายเงินหมื่นเงินแสน
น่าจะเอาไปซื้ออะไรได้ตั้งหลายอย่าง
9/19/2548 09:27:00 หลังเที่ยง à¹à¸à¸¢ Unknown
นั่นดิ กูก็ว่างั้นอ่ะ เสียดายตังโคด
เอาตังมาสร้างเนื้อ สร้างตัวดีกว่า
» แสดงความคิดเห็น